ถ้าท่านผู้อ่านเป็นเจ้าของกิจการ หรืออยู่ในฐานะ...

“เบอร์หนึ่ง” ขององค์กร...

บทบาทที่ผมเห็นเป็นประจำ...

น่าจะแบ่งเป็น 2  ประเภทใหญ่...

อย่างแรก... “เจ้านาย” หรือ Boss...

อย่างที่สอง... “ผู้นำ” หรือ Leader...

ข้อแตกต่างระหว่าง “เจ้านาย” กับ “ผู้นำ”...

ที่อ่านเจอในตำราฝรั่งจะเป็นประมาณนี้...

การทำงานเป็นทีม...

เจ้านาย : สั่งการเป็นหลัก

ผู้นำ : ลงเข้าไปทำงานด้วย

คำพูดติดปาก...

เจ้านาย: มักจะใช้คำพูดว่า “I” (ผม)

ผู้นำ: มักจะใช้คำพูดว่า “We” (เรา)

เมื่อมีความดีความชอบ...

เจ้านาย : “อันนี้เป็นผลงานของผม”

ผู้นำ : “อันนี้เป็นผลงานของพวกเรา”

วิธีสอนงาน...

เจ้านาย : ทุกคนต้องทำตามนี้เท่านั้น

ผู้นำ : ใช้วิธีโค้ชชิ่งทีมงาน

วิธีการสื่อสาร...

เจ้านาย : สั่งการ

ผู้นำ : โน้มน้าว, อธิบายให้คล้อยตาม

ผลสำเร็จของงานเกิดจาก...

เจ้านาย : กดดัน หรือทำให้เกิดความกลัว

ผู้นำ : สร้างความกระตือรือร้นให้ทีมงาน

เมื่อมีข้อผิดพลาดของงาน...

เจ้านาย : ตำหนิผู้รับผิดชอบ

ผู้นำ : พยายามหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น

การเลือกใช้พนักงาน

เจ้านาย : เลือกใช้เฉพาะพนักงานที่เก่งเท่านั้น

ผู้นำ : พัฒนาทั้งทีมให้เก่งขึ้น

ผิวเผินถ้าอ่านถึงตรงนี้...

การเลือกบทบาทเป็น “เจ้านาย”...

ออกจะเป็น “ผู้ร้าย” ไปซักนิด...

แต่ความคิดส่วนตัว...

การที่เราจะเลือกบทบาทไหนนั้น...

น่าจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์มากกว่า...

ถ้าตอนนั้นบริษัทฯเราตกอยู่ในภาวะวิกฤติ...

การเป็น “เจ้านาย” อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดก็เป็นได้...

ผมเองก็เคยตกอยู่ในสถานะนั้นมาก่อนครับ...

บริษัทฯเราก็เป็นเพียงบริษัทฯเล็กๆ...

พอเจอวิกฤติด้านการเงินเข้าไปจังๆ...

ถ้าจะปล่อยให้ลูกน้อง...คิดเอง...ทำเอง...

หรือจะโน้มน้าวให้เขาเห็นด้วยในวิธีของผม...

หรือกว่าจะระดมสมองเพื่อหาไอเดีย...

เพื่อการเอาตัวรอดจากทีมงาน...

บริษัทฯคงเจ๊งไปซะก่อน...

ตอนนั้นผมเล่นบทบาทเป็น “เจ้านาย”เต็มที่ครับ...

สั่งการเพื่อให้ทีมงานไปทำตามเท่านั้น...

ไม่เสียเวลามาโน้มน้าวให้เห็นด้วยหรอกครับ...

ใครไม่ทำตามนี้ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่...

ไม่มีเวลาไปโค้ชชิ่งทีมงานทั้งทีม...

และเลือกใช้เฉพาะคนที่มีฝีมือและพร้อมที่จะลุยเท่านั้น...

ผมไม่อายที่จะบอกทีมงานทุกคนว่า...

ตอนนี้เรากำลังฝ่าวิกฤติ...ถ้าไม่ทำตามที่ผมบอก...

ทุกคนในที่นี่...ตกงานแน่นอน...

และเชื่อว่าผมน่าจะได้งานก่อนทุกคนชัวร์ๆ...

พูดง่ายๆคือเอาความจริงมาบอก...

เพื่อให้ทุกคนกลัว...

ถามว่าโหดไหม...บอกได้เลยว่าโหดมาก...

มีอีกบริษัทฯหนึ่งที่ผมเคยไปเป็นผู้บริหาร...

ตอนแรกคิดว่าจะเล่นบทบาทเป็น “ผู้นำ”...

แต่สุดท้ายไม่ได้ผลครับ...

เพราะลูกน้องแต่ละท่านแต่ละองค์...

ไม่หือ..ไม่อืออะไรทั้งสิ้น...ไม่สั่งไม่ทำ...

เลยต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น “เจ้านาย”เต็มตัวครับ...

เล่นบทเป็นเจ้านายอย่างเดียวไม่พอ...

ต้องสวมวิญญาณ “เจ้าพ่อขาโหด” ด้วย...

กลับกลายเป็นว่า...ทุกอย่างราบรื่นดี...

พวกลูกน้องกลับชอบวิธีการแบบนี้ซะด้วยซ้ำ...

เพราะไม่ต้องคิดอะไร...

รอเจ้านายสั่งแบบชัดๆดีกว่าว่าอยากได้อะไร...

สุดท้ายยอดขายก็พุ่งพรวดๆ...

จนทำให้บริษัทฯรอดตาย...

ลงเป็นแบบนี้...ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ต้องเอามาคิดก็คือ...

ลักษณะนิสัยของทีมงานโดยส่วนใหญ่...

ถ้าเขาเป็นคนที่ชอบฟังคำสั่ง...

เราที่เป็นผู้นำก็อย่าขัดศรัทธาเลย...

เมื่อเราผ่านพ้นวิกฤตินั้นมาได้แล้ว...

บทบาทก็เร่ิมเปลี่ยนไป...

เพิ่มความบทบาท Leader มากขึ้น...

สุดท้าย“Boss” หรือ “Leader”...

สามารถใช้การได้ทั้งคู่นะครับ...

ขึ้นอยู่กับสถานการณ์...

อย่ายึดติดอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสำคัญอย่างเดียว...

อยากจะเล่าอีกซักหัวข้อหนึ่งที่ต่อเนื่องกัน...

กลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ผู้นำ หรือ เจ้านาย...

ควรจะนำมาใช้เป็นอย่างยิ่งเมื่อเวลาต้องการ...

ให้ทีมงานเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว...

นั่นคือใช้ “ความโกรธ” มาเป็นกลยุทธ์ครับ...

แต่ความโกรธนี้ไม่ได้หมายถึง...

 “ความเกรี้ยวกราด”...หรือ “ความก้าวร้าว” นะครับ...

ถ้าโกรธแล้วไปทำกริยาไม่สุภาพ...

พูดจาดูหมิ่นลูกน้อง...แบบนี้ไม่ใช่แน่ๆ...

ขอแบ่งระดับการแสดงออกของ “ความโกรธ”ของผู้นำ...

ไว้เป็น 2 ระดับใหญ่ๆ...เปรียบเทียบเมื่อเวลาฝนฟ้าคะนอง...

บางครั้งก็มี... “ฟ้าร้อง”...

ถ้ารุนแรงหน่อยก็เป็น “ฟ้าผ่า”...

ผมคงไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า...

แต่ละระดับต้องมีกริยาแบบไหน...

อันนี้ขึ้นอยู่แต่ละคน...

ผู้บริหารบางคนจากเดิมเป็นคนสุภาพ...

ไม่ค่อยพูดค่อยจาเท่าไร..

แต่พอพูดมากขึ้น...เน้นชัดถ้อยชัดคำ...

เสียงดังขึ้นอีกแค่ 20%...

แค่นี้ลูกน้องก็รู้แล้วตอนนี้ “ฟ้าร้อง” แล้วเว้ยเฮ้ย...

ต้องรีบทำงานด่วน...เจ้านายไม่พอใจแล้วแน่ๆ...

ถ้าเป็นแบบนี้...

เราแสดงความโกรธแบบ “ฟ้าร้อง” ก็น่าจะพอ...

หรือถ้ามันวิกฤติหนัก...

จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน...

โกรธแบบ “ฟ้าผ่า” เปรี้ยงๆๆๆ...

ก็จำเป็นต้องทำ...

เพราะตามธรรมชาติเมื่อไรก็ตาม...

ที่ฟ้าผ่าจนต้นไม้บางต้นมอดไหม้...

แล้วลามจนวอดวายไปทั้งป่า...

หลังจากนั้นก็จะมีต้นไม้ใบหญ้าผลิใหม่เสมอ...

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การใช้ความโกรธ...

แบบนี้ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า นี้...

แนะนำอย่าใช้พร่ำเพรื่อนะครับ...

เดี๋ยวทีมงานเขาจะตกใจตายไปซะก่อน...

หรือไม่เขาก็จะ... “เคยชินไปเอง”...

จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป...

บทความทั้งหมดนี้ไม่มีลิขสิทธิ์...

สามารถเผยแพร่ตามที่เห็นสมควรครับ...

-บุ้ง ดีดติ่งหู-

Marketing&Sales Consultant

The Underdog Marketing

จุดประกายไอเดียทางการตลาดและการขาย

สมัครรับข่าวสาร

© สงวนลิขสิทธิ์ 2018-2024 Underdog Marketing
นโยบายความเป็นส่วนตัว
crossmenu

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า